จอร์จ อาร์มสตรอง คัสเตอร์ (อังกฤษ: George Armstrong Custer; 5 ธันวาคม ค.ศ. 1839 – 25 มิถุนายน ค.ศ. 1876) เป็นนายทหารกองทัพบกสหรัฐและผู้บังคับบัญชาทหารม้าในสงครามกลางเมืองอเมริกาและสงครามอินเดียนแดง เขาเติบโตในรัฐมิชิแกนและโอไฮโอ ใน ค.ศ. 1858 เข้าเวสต์พอยท์และสำเร็จการศึกษาเป็นอันดับสุดท้ายของรุ่น เมื่อสงครามกลางเมืองอุบัติ เขาถูกเรียกมารับราชการในกองทัพสหภาพ
คัสเตอร์สั่งสมชื่อเสียงระหว่างสงครามกลางเมือง เขาสู้รบในยุทธนาการใหญ่ครั้งแรก คือ ยุทธการที่บูลรันครั้งที่หนึ่ง ความสนิทกับนายทหารสำคัญหลายคนช่วยให้อาชีพของเขาก้าวหน้า เช่นเดียวกับที่เขาประสบความสำเร็จในฐานะผู้บังคับบัญชาทหารม้าประสิทธิภาพสูง สุดท้ายคัสเตอร์ได้รับเลื่อนยศเป็นยศพลตรีชั่วคราว และพลตรีแห่งอาสาสมัคร แต่เมื่อสงครามยุติ เขากลับสู่ยศถาวรร้อยเอก คัสเตอร์ร่วมการยอมจำนนของพลเอก โรเบิร์ต อี. ลี ด้วย
หลังสงครามกลางเมือง คัสเตอร์ถูกส่งไปทางตะวันตกเพื่อสู้รบในสงครามอินเดียอเมริกา คัสเตอร์และทหารทั้งหมดที่มากับเขาถูกฆ่าที่ยุทธการที่ลิตเติลบิกฮอร์นใน ค.ศ. 1876 โดยสู้รบกับแนวร่วมเผ่าอเมริกันพื้นเมืองในยุทธการซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในประวัติศาสตร์อเมริกาว่า "การยืนยัดครั้งสุดท้ายของคัสเตอร์" (Custer's Last Stand) คัสเตอร์และทหารของเขาแพ้อย่างเด็ดขาดในยุทธการที่ลิตเติลบิกฮอร์นเสียจนลดทอนความสำเร็จทั้งหมดที่ผ่านมา
ต้นตระกูลของคัสเตอร์นั้นได้อพยพจากไรน์แลนด์ ประเทศเยอรมนี มายังทวีปอเมริกาเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 คัสเตอร์เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1839 ที่ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกชายคนโตของ เอมานูเอล เฮนรี คัสเตอร์ กับ มารี เวิร์ด คัสเตอร์ คัสเตอร์มีน้องชาย 2 คนคือ โธมัส เวิร์ด คัสเตอร์ และ บอสทอน คัสเตอร์ เมื่อคัสเตอร์ยังเด็กอยู่นั้น เขามีชื่อเล่นว่า อันตี้ ซึ่งย่อมาจากชื่อกลางของเขานั่นก็คือ อาร์มสตรอง เขาเข้าเรียนในเวสพอยท์เมื่อปี ค.ศ. 1858 แต่เข้ากลับได้คะแนนไม่สู้ดีสักเท่าไร เมื่อคัสเตอร์อายุ 24 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับ อิลิซาเบธ คลิฟท์ เบคอน เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1864
ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกันนั้น คัสเตอร์ได้เข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายเหนือ ซึ่งเขาสามารถรบชนะหลายครั้งในสงครามครั้งนี้ ด้วยผลงานที่เขาได้สร้างไว้ ทำให้เขาได้เลื่อนยศเป็นพลตรีชั่วคราว คัสเตอร์จึงได้เป็นนายพลเมื่อยังมีอายุไม่ถึง 30 ปีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับนายพลคนอื่น ๆ แต่ทว่ายศที่เขาได้มาอาจไม่ยั่งยืนสักเท่าไร เพราะเป็นเพียงยศชั่วคราวที่ถูกตั้งขึ้นมาในช่วงสงครามกลางเมือง ทำให้เมื่อสงครามสงบลง ยศของคัสเตอร์กลับมาเป็นยศถาวรพันโท
ต่อมาคัสเตอร์ได้รับคำสั่งให้บัญชาการกรมทหารม้าที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อควบคุมเหล่าอินเดียนแดงเผ่าไชแอนและเผ่าซูในเขตอนุรักษ์ทางด้านตะวันตก ซึ่งเป็นงานที่หนักอยู่พอสมควร เนื่องมาจากอเมริกาในยุคนั้นยังคงมีปัญหาและข้อพิพาทกับพวกอเมริกันพื้นเมือง หรืออินเดียนแดงอยู่บ่อยครั้ง จนมีการปะทะกันกับคนผิวขาวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนผิวขาวเห็นว่าอินเดียนแดงเป็นศัตรูที่ป่าเถื่อน ในขณะเดียวกัน อินเดียนแดงก็ถือว่าพวกผิวขาวเป็นศัตรูตัวฉกาจ รวมไปถึงคัสเตอร์ด้วย ที่สำคัญ คัสเตอร์ยังเคยโจมตีอินเดียนแดงเผ่าไชแอนที่ริมแม่น้ำวาชิทา ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับอินเดียนแดงเป็นอย่างมาก
ยุทธการที่ลิตเติลบิกฮอร์นถือว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายในชีวิตของคัสเตอร์ เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้ยับเยิน และครั้งสุดท้ายด้วย ปมปัญหาได้เริ่มขึ้นจากข้อพิพาทระหว่างคนขาวและอินเดียนแดงในเรื่องที่ดินที่แบล็คฮิล ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการที่จะครอบครอง ซึ่งอินเดียนแดงก็เริ่มรวมตัวกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลผิวขาว จนนำมาสู่คำสั่งล้อมปราบอินเดียนแดงที่แข็งข้อต่อรัฐบาลอเมริกัน ซึ่งกรมทหารม้าที่ 7 ของคัสเตอร์ก็ได้รับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้
ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1876 คัสเตอร์ได้สำรวจพบพวกอินเดียนแดงตั้งค่ายอยู่ที่ริมแม่น้ำลิตเติลบิกฮอร์น คัสเตอร์จึงได้แบ่งทหารของเขาออกเป็น 3 กองเพื่อจู่โจมค่ายอินเดียนแดงที่ริมแม่น้ำ นำโดย มาคัส เรโน, ฟรีเดริคค์ เบนทีน และคัสเตอร์เอง แต่ทว่าการแบ่งกำลังออกเป็น 3 ส่วนของคัสเตอร์ในครั้งนี้ ทำให้เหลือกำลังในบัญชาการของคัสเตอร์ประมาณ 200 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับพวกอินเดียนแดงที่ริมแม่น้ำซึ่งมีนับพันคน ทำให้การรบในครั้งนี้ นำความปราชัยมาสู่ตัวคัสเตอร์เอง กรมทหารม้าที่ 7 ของเขาถูกล้อมด้วยอินเดียนแดง คัสเตอร์ได้ยืนหยัดสู้ครั้งสุดท้ายในสนามรบ ในวันนั้นนั่นเอง คัสเตอร์เสียชีวิตในสนามรบเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1876 ในวัย 36 ปี
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/จอร์จ_อาร์มสตรอง_คัสเตอร์